ความแตกต่างระหว่างทราฟฟิกธรรมชาติ (Organic Traffic) และทราฟฟิกที่ซื้อ (Paid Traffic)

ความแตกต่างระหว่างทราฟฟิกธรรมชาติ (Organic Traffic) และทราฟฟิกที่ซื้อ (Paid Traffic)

ทราฟฟิกบนเว็บไซต์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่สองประเภทที่สำคัญที่สุดคือ ทราฟฟิกธรรมชาติ (Organic Traffic) และ ทราฟฟิกที่ซื้อ (Paid Traffic)

ทราฟฟิกธรรมชาติ (Organic Traffic)

  • ค่าใช้จ่าย: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
  • วิธีการ: ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์โดยการค้นหาคำสำคัญบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google
  • ความยั่งยืน: มีความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากไม่ขึ้นอยู่กับงบประมาณโฆษณา
  • ความน่าเชื่อถือ: มีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากผู้ใช้ไว้วางใจผลลัพธ์ธรรมชาติ
  • การควบคุมตำแหน่ง: ไม่สามารถควบคุมตำแหน่งได้โดยตรง ต้องอาศัยการทำ SEO

ทราฟฟิกที่ซื้อ (Paid Traffic)

  • ค่าใช้จ่าย: มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
  • วิธีการ: ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์โดยการคลิกโฆษณาที่จ่ายเงิน เช่น Google Ads หรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย
  • ความยั่งยืน: ไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากจะหยุดแสดงเมื่องบประมาณหมด
  • ความน่าเชื่อถือ: บางครั้งผู้ใช้อาจเลี่ยงโฆษณา
  • การควบคุมตำแหน่ง: สามารถเลือกตำแหน่งได้ตามงบประมาณ

สรุป

  • Organic Traffic เหมาะสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือและความยั่งยืนในระยะยาว แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการทำ SEO
  • Paid Traffic เหมาะสำหรับการเพิ่มยอดเข้าชมอย่างรวดเร็ว แต่ต้องใช้งบประมาณและผลลัพธ์จะหยุดเมื่องบประมาณหมด

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การใช้ Organic Traffic อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์ทันที Paid Traffic อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า.

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

คุณอาจชอบสิ่งนี้ด้วย

หัวข้อและบริการยอดนิยม