ตัวอย่างกรณีศึกษาการทำตลาดออนไลน์สำหรับตัวแทนขายประกันภัยในประเทศไทย ได้แก่
-
TobJod (ตอบโจทย์)
เป็นตัวแทนขายประกันออนไลน์ของบริษัท ทหารไทยธนชาต โบรกเกอร์ จำกัด ที่เน้นเจาะกลุ่มคน Gen Y ที่คุ้นเคยกับการช็อปปิงออนไลน์ โดยใช้ข้อมูล Second Party Data จากธนชาตโบรกเกอร์มาสร้างมูลค่าเพิ่มและทำ Upsell ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Google Analytics 360 เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีและทำให้การซื้อประกันเป็นเรื่องง่าย -
กรุงเทพประกันชีวิต
ใช้กลยุทธ์การทำตลาดออนไลน์ผ่าน KOL (Key Opinion Leader) เช่น พี่เอ็ด7วิ เพื่อสื่อสารเรื่องประกันสุขภาพกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Gen) โดยไม่ต้องใช้งบโฆษณามาก แต่ได้ผลตอบรับดีและช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ -
ตลาดประกันรถยนต์ออนไลน์
มีบริษัทหน้าใหม่และโบรคเกอร์ออนไลน์ เช่น Direct ASIA, Silkspan, Roojai และ TQM ที่ใช้การตลาดออนไลน์อย่างเข้มข้น เช่น การโทรติดตามลูกค้าอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง พร้อมเสนอโปรโมชั่นและบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต เพื่อแข่งขันในตลาดที่มีต้นทุนต่ำกว่าการขายแบบดั้งเดิม -
การนำเสนอขายผ่านดิจิทัลมีเดีย
ตัวแทนประกันชีวิตในไทยเริ่มใช้ช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, LINE, อีเมล และแอปพลิเคชัน (เช่น TL Pro Plus) เพื่อเสนอขายกรมธรรม์และส่งเอกสารให้ลูกค้าตรวจสอบความถูกต้อง ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย -
การออกแบบประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience)
กรณีศึกษาจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ลูกค้าประกันชอบข้อมูลที่ละเอียดและเข้าใจง่าย เว็บไซต์หรือแอปของบริษัทประกันต้องออกแบบให้ข้อมูลซับซ้อนดูง่าย และมีเครื่องมือช่วยเปรียบเทียบแพ็กเกจ เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ -
การตลาดออนไลน์ที่เน้นส่วนประสมทางการตลาด (7Ps)
งานวิจัยในจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ เช่น ความหลากหลายของกรมธรรม์และความครอบคลุมโรคร้าย มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันชีวิตผ่านออนไลน์ของคนวัยทำงาน
กรณีศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ตัวแทนขายประกันภัยในไทยใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ลูกค้า การใช้ KOL การทำตลาดเชิงรุกผ่านโทรศัพท์และช่องทางออนไลน์ ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ดิจิทัลที่เข้าใจง่ายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
