กรณีศึกษาธุรกิจท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ SEO และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
กรณีศึกษาธุรกิจท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ SEO และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
1. Dusit Thani
- กลยุทธ์: Dusit Thani ใช้กลยุทธ์ SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และปรับปรุงการค้นหาในระดับโลก โดยมีเป้าหมายในการปรับแต่งเว็บไซต์ Local SEO ให้เหมาะสมกับสถานที่ตั้งของโรงแรมทั้ง 20 แห่งใน 14 ประเทศ.
- ผลลัพธ์: การใช้ SEO ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสื่อโฆษณาและเพิ่มรายได้จากการมองเห็นและเข้าชมเว็บไซต์ที่ดีขึ้น.
2. Booking.com
- กลยุทธ์: Booking.com ใช้ SEO และ SEM เป็นกลยุทธ์หลักในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์และฐานลูกค้า โดยมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ถึง 457.7 ล้านคนในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565.
- ผลลัพธ์: การใช้ SEO และ SEM ทำให้ Booking.com สามารถครองตำแหน่งสูงสุดในตลาดที่พักและโรงแรมได้ และเกือบ 40% ของการเข้าชมและฐานลูกค้ามาจากช่องทางเหล่านี้.
3. องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO)
- กลยุทธ์: JNTO ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือหลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะผ่าน Instagram ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 540,000 คน.
- ผลลัพธ์: แม้ว่าผู้คนไม่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงการระบาดใหญ่ แต่การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียช่วยสร้างความสนใจและนัดหมายมากกว่า 15,000 ครั้งในโพสต์เดียว.
4. Airbnb
- กลยุทธ์: Airbnb ใช้การสร้างสังคมผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง โดยแบ่งลูกค้าออกเป็นโฮสและเกสต์ และเน้นการแบ่งปันประสบการณ์ผ่านรูปภาพ.
- ผลลัพธ์: การใช้รูปภาพที่มีคุณภาพสูงช่วยเพิ่มยอดจองในนิวยอร์กเป็นเท่าตัว และสร้างความสำเร็จในการสร้างชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง.
กลยุทธ์หลักในการใช้ SEO และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
- การปรับปรุงเว็บไซต์: ปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหาและเข้าถึงได้ง่าย.
- การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ: เน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย.
- การใช้โซเชียลมีเดีย: ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความสนใจและเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า.
- การวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง.