สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหน้า 404 Not Found
การลบหน้าโดยไม่ตั้งค่า Redirect
เมื่อผู้ดูแลเว็บไซต์ลบหน้าเว็บหรือบทความออกไปโดยไม่มีการเปลี่ยนเส้นทาง (Redirect) ไปยังหน้าอื่นที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้ที่คลิกหรือเข้าถึงลิงก์เดิมจะพบกับหน้า 404 Not Found ทันที เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ไม่พบไฟล์หรือข้อมูลที่ต้องการ ปัญหานี้พบได้บ่อยในเว็บไซต์ E-Commerce ที่มีการเพิ่ม-ลดสินค้าบ่อยครั้ง หรือเว็บไซต์ข่าวที่ลบข่าวเก่าออกไป
การเปลี่ยนโครงสร้าง URL
การแก้ไขชื่อ URL (Slug) หรือเปลี่ยนโครงสร้างลิงก์ถาวร (Permalink) โดยไม่อัปเดตลิงก์เก่าทั้งในเว็บไซต์และบน Search Engine จะทำให้ลิงก์เดิมกลายเป็นลิงก์เสีย ผู้ใช้ที่เข้าผ่านลิงก์เก่าจะเจอหน้า 404 เช่น การเปลี่ยนจาก URL ภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ หรือการย้ายโดเมนเว็บไซต์โดยไม่อัปเดตฐานข้อมูล
การพิมพ์ URL ผิดในโฆษณา
หากมีการโฆษณาหรือแชร์ลิงก์ที่มีการพิมพ์ URL ผิด ผู้ใช้ที่คลิกเข้าผ่านช่องทางนั้นจะพบหน้า 404 เพราะเซิร์ฟเวอร์ไม่พบหน้าเว็บที่ตรงกับ URL ที่ป้อนเข้ามา ปัญหานี้เกิดได้ทั้งจากความผิดพลาดของมนุษย์และระบบอัตโนมัติ
สาเหตุอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย
- ปัญหาเกี่ยวกับโฮสติ้งหรือเซิร์ฟเวอร์ เช่น โฮสติ้งไม่รองรับ CMS ที่ใช้ หรือมีปัญหาในการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล
- ไม่อัปเดตฐานข้อมูลหลังย้ายโดเมน ทำให้ลิงก์เก่ายังชี้ไปที่โดเมนเดิม แม้จะย้ายเว็บไปแล้ว
- ใช้ลิงก์จาก Demo หรือชุดทดลอง แล้วลืมแก้ไขเมื่อนำเว็บขึ้น production
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- ตั้งค่า Redirect 301 สำหรับลิงก์เก่าไปยังลิงก์ใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้เจอหน้า 404
- ตรวจสอบและอัปเดตลิงก์ทั้งในเว็บและบน Search Console หลังมีการเปลี่ยนโครงสร้าง URL
- ตรวจสอบความถูกต้องของ URL ก่อนเผยแพร่โฆษณา เพื่อป้องกันการพิมพ์ผิด
- เลือกโฮสติ้งที่เหมาะสมและอัปเดตฐานข้อมูลหลังย้ายเว็บ เพื่อป้องกันปัญหาด้านเทคนิค
สรุป
หน้า 404 Not Found เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยคือการลบหน้าโดยไม่ Redirect การเปลี่ยนโครงสร้าง URL โดยไม่อัปเดตลิงก์เก่า และการพิมพ์ URL ผิดในโฆษณา การแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยลดปัญหาการสูญเสียผู้ใช้และผลกระทบต่อ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
