ข้อดีและข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์มสำหรับนักการตลาดดิจิทัลมีความแตกต่างกันตามลักษณะและกลุ่มเป้าหมายที่แต่ละแพลตฟอร์มเข้าถึงได้ ดังนี้
| แพลตฟอร์ม | ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|---|
| Google Ads | - เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความตั้งใจซื้อสูง | - ค่าโฆษณาค่อนข้างสูง |
| - วัดผลได้แม่นยำ | - การแข่งขันสูง | |
| - ครอบคลุมทุกอุปกรณ์ | - ต้องใช้เวลาเรียนรู้ระบบ | |
| Facebook & Instagram | - ต้นทุนต่ำ | - การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย |
| - กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด | - Organic Reach ลดลง (การเข้าถึงแบบไม่เสียค่าโฆษณาน้อยลง) | |
| - สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ได้ดี | - ผู้ใช้อาจไม่มีความตั้งใจซื้อ | |
| LINE Ads | - เข้าถึงผู้ใช้ไทยได้ดี | - ต้นทุนค่อนข้างสูง |
| - มีฟีเจอร์เฉพาะสำหรับตลาดไทย | - ตัวเลือกรูปแบบโฆษณาจำกัด | |
| - สร้างการจดจำแบรนด์ได้ดี | - กลุ่มเป้าหมายจำกัด | |
| TikTok Ads | - เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ | - ต้องสร้างคอนเทนต์เฉพาะที่เหมาะสม |
| - สร้างกระแสไวและไวรัลได้ง่าย | - อาจไม่เหมาะกับทุกธุรกิจ | |
| - มีเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ในตัว | - ผลลัพธ์ไม่แน่นอน |
โดยสรุป แพลตฟอร์มแต่ละตัวมีจุดแข็งและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน นักการตลาดควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เช่น Google Ads เหมาะกับการเข้าถึงกลุ่มที่มีความตั้งใจซื้อสูง ขณะที่ Facebook และ Instagram เหมาะกับการสร้างการมีส่วนร่วมและแบรนด์ ส่วน TikTok เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบคอนเทนต์วิดีโอสั้น และ LINE เหมาะกับตลาดไทยโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ การเลือกแพลตฟอร์มควรพิจารณาความสามารถในการวัดผล ต้นทุน และความถนัดในการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
