การใช้คำหลัก (Keywords) อย่างเหมาะสมในชื่อธุรกิจและคำอธิบายควรเลือกคำที่ เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการโดยตรง และมีความเฉพาะเจาะจงพอสมควรเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่สนใจจริง เช่น ใช้คำที่บ่งบอกประเภทสินค้า/บริการ ชื่อรุ่น หรือชื่อแบรนด์ถ้าเป็นที่รู้จักแล้ว รวมถึงสามารถเพิ่มชื่อสถานที่เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นได้.
รายละเอียดสำคัญในการใช้คำหลักในชื่อธุรกิจและคำอธิบาย ได้แก่
- ความเกี่ยวข้อง (Relevance): คำหลักต้องสอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เช่น ถ้าธุรกิจขายเสื้อผ้า ควรใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าและกลุ่มเป้าหมาย.
- ความเฉพาะเจาะจง: ใช้คำหลักที่เจาะจงมากขึ้น เช่น แทนที่จะใช้คำกว้าง ๆ เช่น "เสื้อผ้า" อาจใช้ "เสื้อแขนยาวผู้ชาย" หรือ "เสื้อแขนยาวผู้ชาย แบรนด์ Dickies สีฟ้า" เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเจอ.
- ปริมาณการค้นหา (Search Volume): เลือกคำที่มีการค้นหาจริงและมีปริมาณเพียงพอ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเห็นธุรกิจ แต่ไม่ควรใช้คำที่กว้างเกินไปจนมีการแข่งขันสูงมาก.
- การใช้คำหลักในส่วนสำคัญของเว็บไซต์: เช่น ชื่อธุรกิจ (Title Tag), คำอธิบาย (Meta Description), URL และหัวข้อ (Header Tags) เพื่อช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาและจัดอันดับได้ดีขึ้น.
- หลีกเลี่ยงการใช้คำหลักซ้ำซ้อนหรือยัดเยียด (Keyword stuffing): เพราะอาจถูกมองว่าเป็นสแปมและส่งผลเสียต่ออันดับ SEO.
- การใช้ชื่อแบรนด์: หากแบรนด์เป็นที่รู้จักแล้ว การใช้ชื่อแบรนด์ในคำหลักจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้ดี แต่ถ้าเป็นแบรนด์ใหม่ควรเน้นคำที่อธิบายสินค้าและบริการก่อน.
ตัวอย่างการใช้คำหลักในชื่อธุรกิจและคำอธิบาย เช่น
| ชื่อธุรกิจ/คำอธิบาย | คำหลักที่เหมาะสม |
|---|---|
| ร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย | เสื้อผ้าผู้ชาย, เสื้อแขนยาวผู้ชาย, เสื้อแขนยาวผู้ชาย แบรนด์ Dickies |
| ร้านอาหารกะเพรา | กะเพรา, กะเพราหมู, กะเพราหมูคูโรบูตะ |
| ร้านเช่ารถในพัทยา | เช่ารถพัทยา, รถเช่าพัทยา, รถเช่าราคาถูกพัทยา |
สรุปคือ การใช้คำหลักในชื่อธุรกิจและคำอธิบายควรเน้นคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการโดยตรง มีความเฉพาะเจาะจงพอเหมาะ มีปริมาณการค้นหาที่ดี และใช้ในตำแหน่งสำคัญของเว็บไซต์อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอธุรกิจและช่วยให้ SEO มีประสิทธิภาพสูงสุด.
