ทำไมหน้า 404 ถึงแย่ต่อ SEO? วิธีหลีกเลี่ยงผลกระทบจากลิงก์เสียและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ

NaviShark 2025-05-18

หน้า 404 คืออะไร?

หน้า 404 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "404 Not Found" คือหน้าบนเว็บไซต์ที่แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้พยายามเข้าถึง URL ที่ไม่มีอยู่จริงบนเซิร์ฟเวอร์ เว็บไซต์ที่มีปริมาณหน้า 404 จำนวนมากโดยไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสมอาจส่งผลเสียอย่างมากต่อประสิทธิภาพ SEO ซึ่งรวมถึงการจัดอันดับในหน้าผลลัพธ์ของเสิร์ชเอนจิน (SERPs), ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ และอัตราการแปลง (Conversion Rate)

ในประเทศไทย เว็บไซต์จำนวนมากที่ให้บริการขายสินค้าออนไลน์หรือบริการต่าง ๆ มักมองข้ามการดูแลหน้า 404 อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียทางรายได้หลายหมื่นถึงแสนบาทต่อเดือน ทั้งจากการสูญเสียทราฟฟิกและความเชื่อมั่นจากลูกค้า

ทำไมหน้า 404 ถึงเป็นปัญหาต่อ SEO?

1. ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google

Google ใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนในการประเมินเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณมีลิงก์ที่ชี้ไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่จริง (หรือที่เรียกว่า broken links) มากเกินไป Google อาจพิจารณาว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การลดอันดับในการค้นหา

2. สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไม่ดี (UX)

หนึ่งในหลักการของ SEO ที่สำคัญคือการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้คลิกลิงก์และพบเจอกับหน้า 404 แทนที่จะเป็นเนื้อหาที่ต้องการ พวกเขาอาจรู้สึกผิดหวังและตัดสินใจออกจากเว็บไซต์ของคุณทันที ซึ่งจะเพิ่ม Bounce Rate และลดโอกาสในการแปลงยอดขาย

3. ทำให้สูญเสียลิงก์ภายนอก (Backlinks)

หากเว็บไซต์ของคุณมีลิงก์ภายนอก (backlink) จำนวนมากที่ชี้ไปยังหน้า 404 แทนที่จะเป็นหน้าที่มีเนื้อหา ข้อมูลและ "พลัง" ของลิงก์เหล่านั้นจะสูญเปล่า ซึ่งส่งผลเสียต่อ SEO โดยตรง เพราะ backlink เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Google ใช้ประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

4. มีผลต่อ Crawl Budget

Crawl Budget คือจำนวนหน้าที่ Googlebot ยินดีจะเข้าไปเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณในช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีหน้า 404 จำนวนมาก Googlebot จะใช้งบประมาณนี้ไปกับการเก็บข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ ทำให้หน้าอื่น ๆ ที่มีเนื้อหาสำคัญไม่ได้รับการจัดทำดัชนี (index) อย่างเหมาะสม

ตัวอย่างสถานการณ์ที่ทำให้เกิดหน้า 404

การลบหน้าหรือผลิตภัณฑ์โดยไม่ตั้งค่า redirect

เจ้าของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในไทยหลายรายลบหน้าสินค้าเก่าทิ้งโดยไม่ตั้งค่า 301 redirect ส่งผลให้ลิงก์ที่เคยใช้ได้กลายเป็นหน้า 404 โดยตรง

การเปลี่ยนโครงสร้าง URL โดยไม่อัปเดตลิงก์

บางเว็บไซต์ที่ทำการรีแบรนด์หรือเปลี่ยนโครงสร้าง URL โดยไม่มีการอัปเดตลิงก์ภายในเว็บไซต์ให้สอดคล้องกัน ก่อให้เกิดหน้า 404 เป็นจำนวนมาก

การพิมพ์ URL ผิดในบทความหรือโฆษณา

หากคุณลงโฆษณา Google Ads หรือ Facebook Ads แล้วมีการพิมพ์ URL ผิด จะทำให้ลูกค้าที่คลิกโฆษณาไปเจอหน้า 404 แทน ซึ่งนอกจากจะทำลายความน่าเชื่อถือแล้ว ยังเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ก่อให้เกิด Conversion อีกด้วย


ปัจจัยผลกระทบแนวทางแก้ไข
ลิงก์ภายในชี้ไปยังหน้า 404ทำให้ Google ลดคะแนน SEOตรวจสอบและอัปเดตลิงก์ภายในอย่างสม่ำเสมอ
หน้า 404 จากการลบเนื้อหาสูญเสีย backlinkใช้การ redirect แบบ 301 ไปยังหน้าที่เกี่ยวข้อง
หน้า 404 จาก URL ผิดในโฆษณาสูญเสียงบโฆษณาทดสอบลิงก์ก่อนเผยแพร่
หน้า 404 จำนวนมากเปลือง crawl budgetใช้เครื่องมือจัดการ 404 เช่น Search Console
หน้า 404 ไม่มี UX ที่ดีผู้ใช้หมดความเชื่อมั่นออกแบบหน้า 404 ให้ใช้งานได้และมีลิงก์กลับ

วิธีแก้ไขและป้องกันผลเสียจากหน้า 404

h3: 1. ติดตามและตรวจสอบหน้า 404 อย่างสม่ำเสมอ

Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถใช้เพื่อตรวจสอบว่ามีหน้าใดบ้างที่ Googlebot ไม่สามารถเข้าถึงได้ แนะนำให้เข้าไปเช็กในส่วน "Coverage" เป็นประจำ

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Screaming Frog SEO Spider หรือ Ahrefs Site Audit ที่สามารถสแกนทั้งเว็บไซต์เพื่อค้นหาหน้า 404 ได้ในไม่กี่นาที

h3: 2. ตั้งค่า Redirect อย่างเหมาะสม

ใช้ 301 redirect เพื่อชี้หน้าเก่าที่ถูกลบหรือเปลี่ยน URL ไปยังหน้าที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องมากที่สุด หลีกเลี่ยงการ redirect ไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์แบบครอบจักรวาล เพราะอาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้และ Google

h3: 3. สร้างหน้า 404 ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

ถ้าหลีกเลี่ยงการเกิดหน้า 404 ไม่ได้ ควรออกแบบหน้า 404 ให้ช่วยนำทางผู้ใช้กลับไปยังหน้าอื่นของเว็บไซต์ได้ เช่น ใส่ช่องค้นหา, ลิงก์ไปยังหน้าหลัก หรือหมวดหมู่ยอดนิยม แทนที่จะเป็นข้อความ "404 Not Found" อย่างเดียว

h3: 4. ใช้ปลั๊กอินหรือโค้ดเพื่อจัดการลิงก์เสียอัตโนมัติ

หากเว็บไซต์ของคุณใช้ WordPress มีปลั๊กอินเช่น "Redirection" หรือ "Broken Link Checker" ที่สามารถช่วยแจ้งเตือนลิงก์เสียและตั้งค่าการ redirect ได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้โค้ด

h3: 5. ตรวจสอบลิงก์ก่อนเผยแพร่

ทุกครั้งที่คุณเพิ่มเนื้อหาใหม่ เช่น บทความหรือสินค้าใหม่ ควรตรวจสอบว่าลิงก์ทั้งหมดใช้งานได้จริงก่อนเผยแพร่ รวมถึงลิงก์ที่ใช้ในโฆษณาด้วย เพื่อป้องกันการเสียเงินโฆษณาโดยเปล่าประโยชน์

ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากหน้า 404 (ในรูปแบบค่าใช้จ่าย)

หากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมีผู้เข้าชมเฉลี่ยวันละ 5,000 คน และมีอัตรา Conversion อยู่ที่ 2% (100 การสั่งซื้อ/วัน) แต่มีหน้า 404 ทำให้เสียผู้เข้าชมไป 10% ต่อวัน (500 คน) เท่ากับสูญเสียโอกาสในการขาย 10 รายต่อวัน สมมุติสินค้ามีมูลค่าเฉลี่ย 700 บาท/รายการ จะสูญเสียรายได้เฉลี่ย 7,000 บาท/วัน หรือประมาณ 210,000 บาท/เดือน

นี่คือตัวอย่างความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเลยเพียงเรื่องหน้า 404 เท่านั้น

หน้า 404 ที่ดีควรมีองค์ประกอบใดบ้าง?

ข้อความชี้แจงที่เป็นมิตร

ควรใช้ข้อความเช่น "ขออภัย หน้านี้ไม่พบ" หรือ "ดูเหมือนว่าหน้านี้ไม่มีอยู่จริง" แทนข้อความเทคนิค เช่น "404 Not Found"

ปุ่มกลับไปยังหน้าแรก

ลิงก์หรือปุ่ม “กลับหน้าหลัก” ควรเด่นชัดและอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใช้สามารถคลิกได้ทันที

แนะนำลิงก์อื่นที่เกี่ยวข้อง

อาจเสนอหมวดหมู่ยอดนิยม เช่น “สินค้าขายดี” หรือ “บทความแนะนำ” เพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะอยู่บนเว็บไซต์ต่อ

มีช่องค้นหา

ผู้ใช้บางคนอาจยังสนใจค้นหาข้อมูลต่อ ให้ช่องค้นหาเป็นเครื่องมือช่วยในการนำทาง

มีดีไซน์ที่เหมาะกับแบรนด์

ใช้ภาพหรือกราฟิกที่สอดคล้องกับแบรนด์ เช่น ภาพตัวการ์ตูนแบรนด์ของคุณเศร้าเมื่อหาหน้าไม่เจอ จะช่วยสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงมากกว่าข้อความล้วน ๆ

ตัวอย่างหน้า 404 ที่ดีในไทย

เว็บไซต์ใหญ่ ๆ ในไทย เช่น Lazada, Shopee หรือ Wongnai มีการออกแบบหน้า 404 อย่างใส่ใจ โดยมีข้อความชัดเจน ปุ่มนำทาง และลิงก์แนะนำสินค้า/บทความอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเจ้าของเว็บไซต์ขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการปรับปรุง UX

สรุป: หน้า 404 เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าหน้า 404 จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมสามารถสร้างความเสียหายทั้งด้าน SEO, รายได้ และความเชื่อมั่นจากลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ธุรกิจออนไลน์มีการแข่งขันสูง การจัดการหน้า 404 อย่างมีระบบจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

หากคุณยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้า 404 อยู่กี่หน้า หรือไม่มีระบบ redirect ที่เหมาะสมเลย นี่คือเวลาที่ควรเริ่มต้นลงทุน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เครื่องมือฟรีหรือปลั๊กอินราคาไม่ถึง 1,000 บาทก็สามารถช่วยคุณลดความเสียหายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือนในระยะยาว


บริการยอดนิยมที่คนอื่นก็สนใจ