สำหรับสตาร์ทอัพไทย การจัดสรรงบประมาณ SEO ควรเริ่มจากการตั้งเป้าหมายชัดเจน เช่น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือโอกาสขายที่ต้องการ จากนั้นแบ่งงบประมาณตามขอบเขตงาน SEO ที่จำเป็น โดยทั่วไปธุรกิจขนาดเล็กอาจใช้งบประมาณ SEO อยู่ในช่วง 30,000 – 100,000 บาทต่อเดือน และมักจัดสรรงบประมาณการตลาดดิจิทัลประมาณ 20-30% ให้กับ SEO
ตัวอย่างการจัดสรรงบประมาณ SEO สำหรับสตาร์ทอัพไทย ได้แก่
| ประเภทงาน SEO | รายละเอียดหลัก | งบประมาณโดยประมาณ (บาท/เดือน) |
|---|---|---|
| On-Page SEO | ปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ เช่น Meta, Title, Heading | 5,000 – 15,000 |
| Off-Page SEO | สร้างลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์อื่น | 10,000 – 50,000 |
| Technical SEO | ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์และความเป็นมิตรกับมือถือ | 10,000 – 20,000 |
| Content Writer | ผลิตบทความและเนื้อหา SEO | 20,000 – 30,000 |
| Local SEO (ถ้ามี) | เพิ่มการมองเห็นในพื้นที่เป้าหมาย | 5,000 – 10,000 |
สำหรับสตาร์ทอัพที่งบประมาณจำกัด สามารถเริ่มต้นด้วยการเน้น On-Page SEO และ Content Writer เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมก่อน แล้วค่อยขยายไปยัง Off-Page SEO และ Technical SEO ตามลำดับ
นอกจากนี้ การทำ SEO สำหรับสตาร์ทอัพควรเน้นการวางแผนระยะยาว เพราะผลลัพธ์ SEO จะเห็นชัดเจนหลังจากหลายเดือน แต่จะช่วยสร้างช่องทางเข้าชมเว็บไซต์ที่ยั่งยืนและลดค่าใช้จ่ายโฆษณาแบบจ่ายเงินในระยะยาว
สรุปคือ สตาร์ทอัพไทยควรจัดสรรงบประมาณ SEO โดยแบ่งตามประเภทงานและความสำคัญของแต่ละส่วน เริ่มต้นด้วยงบประมาณรวมประมาณ 30,000 – 100,000 บาทต่อเดือน และเน้นการวางแผนเป้าหมาย SEO ที่ชัดเจนเพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
