การเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาปานกลางถึงสูงแต่การแข่งขันต่ำถึงปานกลาง เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการทำ SEO เพราะช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับในหน้าผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงจนเกินไป ซึ่งอาจต้องใช้ทรัพยากรมากและเวลานาน.
หลักการสำคัญในการเลือกคีย์เวิร์ดประเภทนี้ คือ
-
Search Volume (ปริมาณการค้นหา): เลือกคำที่มีจำนวนการค้นหาปานกลางถึงสูง เพื่อให้มีโอกาสได้รับผู้เข้าชมเว็บไซต์มากพอ แต่ไม่จำเป็นต้องสูงสุดเสมอไป เพราะคำที่มีปริมาณสูงมากมักจะมีการแข่งขันสูงด้วย.
-
Keyword Difficulty (ความยากในการแข่งขัน): เลือกคำที่มีระดับการแข่งขันต่ำถึงปานกลาง (Low to Medium Keyword Difficulty) เพื่อให้สามารถจัดอันดับได้ง่ายกว่า และลดต้นทุนทั้งเวลาและงบประมาณ.
-
Relevance (ความเกี่ยวข้อง): คีย์เวิร์ดต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหา สินค้า หรือบริการของเว็บไซต์อย่างชัดเจน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาและเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า.
-
User Intent (เจตนาของผู้ค้นหา): เข้าใจว่าผู้ใช้ต้องการอะไรจากการค้นหาคำนั้น เช่น ต้องการข้อมูล, ต้องการเปรียบเทียบ หรือพร้อมซื้อสินค้า เพื่อเลือกคำที่ตอบโจทย์เป้าหมายของเว็บไซต์.
-
การใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์: ใช้เครื่องมือเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush เพื่อวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขันอย่างแม่นยำ.
สรุปคือ การเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาปานกลางถึงสูงแต่การแข่งขันต่ำถึงปานกลาง จะช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยต้องคำนึงถึงความเกี่ยวข้องและเจตนาของผู้ค้นหาเป็นสำคัญ.
