UTM Parameters คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักการตลาดดิจิทัล

NaviShark 2025-05-18

UTM Parameters คืออะไร?

UTM Parameters หรือที่เรียกกันว่า UTM tags หรือ UTM codes คือโค้ดพิเศษที่เราแนบต่อท้าย URL เพื่อใช้ติดตามแหล่งที่มาของทราฟฟิกบนเว็บไซต์ ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์หรือนักการตลาดเข้าใจได้ว่าผู้ใช้มาจากแคมเปญไหน ช่องทางใด หรือเนื้อหาแบบไหน ทำให้สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น

UTM ย่อมาจากคำว่า "Urchin Tracking Module" ซึ่งพัฒนามาจากซอฟต์แวร์วิเคราะห์เว็บไซต์ชื่อ Urchin ที่ภายหลังถูก Google ซื้อกิจการและกลายมาเป็น Google Analytics ในปัจจุบัน

ทำไม UTM Parameters จึงสำคัญ?

UTM parameters ช่วยให้คุณสามารถติดตามและวัดผลความสำเร็จของแคมเปญต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาบน Facebook, การทำ SEO, การส่งอีเมล หรือแม้กระทั่งการโพสต์ลิงก์ใน LINE หรือกลุ่มต่างๆ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลว่าควรลงทุนในช่องทางใด และควรปรับปรุงแคมเปญอย่างไร

ตัวอย่างการใช้งาน

หากคุณรันแคมเปญโฆษณาบน Facebook และอยากรู้ว่าโฆษณานั้นสร้างทราฟฟิกมายังเว็บไซต์ของคุณมากแค่ไหน คุณสามารถแนบ UTM เข้าไปที่ลิงก์ของเว็บไซต์ เช่น:

https://www.yourwebsite.com/?utm_source=facebook&utm_medium=paid&utm_campaign=summer_sale

องค์ประกอบของ UTM Parameters

UTM มีทั้งหมด 5 พารามิเตอร์ ซึ่งแบ่งเป็น 3 พารามิเตอร์หลัก และอีก 2 พารามิเตอร์เสริม โดยแต่ละตัวมีหน้าที่ต่างกันดังนี้:


ชื่อพารามิเตอร์จำเป็นต้องใช้หรือไม่อธิบายตัวอย่าง
utm_sourceจำเป็นแหล่งที่มาของทราฟฟิก เช่น google, facebook, newsletterfacebook
utm_mediumจำเป็นประเภทของช่องทาง เช่น cpc, email, bannercpc
utm_campaignจำเป็นชื่อแคมเปญ เช่น summer_sale, product_launchsummer_sale
utm_termไม่จำเป็นคำค้นหาหรือ keyword ที่ใช้ในโฆษณาrunning+shoes
utm_contentไม่จำเป็นใช้แยกแยะระหว่างโฆษณาหรือลิงก์ต่างๆ ในแคมเปญเดียวกันbanner1

วิธีการสร้าง UTM Parameters

มีหลายวิธีในการสร้าง UTM parameters ทั้งแบบเขียนเองและใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Google’s Campaign URL Builder ซึ่งใช้งานได้ฟรี โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: ระบุ URL ปลายทาง

เริ่มจาก URL ที่คุณต้องการให้ผู้ใช้เข้ามา เช่น:
https://www.example.com/promotion

ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มพารามิเตอร์

กำหนดค่าของพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น

  • utm_source: facebook
  • utm_medium: social
  • utm_campaign: back_to_school

ขั้นตอนที่ 3: ประกอบเป็น URL เต็ม

URL ที่ได้จะมีลักษณะดังนี้:
https://www.example.com/promotion?utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_campaign=back_to_school

เครื่องมือแนะนำ

  • Google Campaign URL Builder
  • UTM.io
  • Effin Amazing UTM Builder

เคล็ดลับการตั้งชื่อพารามิเตอร์

การตั้งชื่อที่ดีจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้นในภายหลัง

คำแนะนำ:

  • ใช้ตัวพิมพ์เล็กเสมอ เช่น utm_source=facebook แทนที่จะใช้ utm_source=Facebook
  • หลีกเลี่ยงการเว้นวรรค ให้ใช้เครื่องหมาย - หรือ _
  • ตั้งชื่อให้สั้นและสื่อความหมาย
  • ใช้ชื่อแคมเปญที่เข้าใจง่าย เช่น jan_sale_2025 แทน sales_january_newyear_discount

การวิเคราะห์ UTM บน Google Analytics

เมื่อคุณติดตั้ง UTM แล้ว Google Analytics จะสามารถรวบรวมและแสดงข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้

ไปที่เมนูไหน?

  1. เข้าไปที่ Google Analytics
  2. ไปที่ Acquisition (การเข้าชม)
  3. เลือก Campaigns (แคมเปญ) > All Campaigns (แคมเปญทั้งหมด)

ในหน้านี้คุณจะเห็นว่าแต่ละแคมเปญให้ผลลัพธ์อย่างไร เช่น จำนวนผู้ใช้ เวลาเฉลี่ยในเว็บไซต์ หรืออัตราการแปลง (Conversion Rate)

ตัวอย่างการใช้งาน UTM ในชีวิตจริง

แคมเปญอีเมล

สมมุติคุณทำแคมเปญอีเมลโปรโมชันสำหรับลูกค้าในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาสำหรับโปรโมทสินค้าลดราคา คุณอาจใช้ลิงก์แบบนี้:

https://www.example.com/sale?utm_source=newsletter&utm_medium=email&utm_campaign=th_summer_sale

โฆษณา Google Ads

หากคุณลงโฆษณาใน Google และอยากติดตามคำค้นหาที่ให้ผลดี:

https://www.example.com/shoes?utm_source=google&utm_medium=cpc&utm_campaign=running&utm_term=รองเท้าวิ่ง

โพสต์โซเชียลมีเดีย

หากคุณโปรโมทสินค้าบน LINE:

https://www.example.com/offer?utm_source=line&utm_medium=social&utm_campaign=flash_deal

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ UTM Parameters

จำเป็นต้องใช้ทุกพารามิเตอร์ไหม?

ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้ง 5 ตัว ใช้แค่ 3 ตัวหลัก (utm_source, utm_medium, utm_campaign) ก็เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์เบื้องต้น

พารามิเตอร์ที่ไม่ใช้จะมีผลเสียหรือไม่?

ไม่มีผลเสียต่อการทำงานของเว็บไซต์ แต่อาจทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลไม่แม่นยำเท่าที่ควร

Google Analytics จะเก็บข้อมูลนานเท่าไหร่?

โดยปกติ Google Analytics จะเก็บข้อมูลตามที่ตั้งค่าไว้ใน Property ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 2 เดือนถึงไม่จำกัดเวลา

ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน UTM คือเท่าไหร่?

การใช้งาน UTM ผ่าน Google Analytics ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ถือว่าเป็นฟีเจอร์ฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เหมาะกับธุรกิจในประเทศไทยไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนเหมือนเครื่องมือวิเคราะห์แบบพรีเมียม

ประโยชน์ของการใช้ UTM Parameters

วิเคราะห์ผลแคมเปญได้ชัดเจน

คุณสามารถรู้ว่าแคมเปญไหนได้ผลดี เช่น แคมเปญ Facebook หรือ Google Ads ทำยอดขายได้มากกว่า

ปรับกลยุทธ์การตลาดได้แม่นยำ

จากข้อมูล UTM คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าควรลดงบในช่องทางใด หรือเพิ่มงบในช่องทางที่มี ROI สูง

เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจในประเทศไทยด้วยงบจำกัด หรือมีงบการตลาดระดับหลายแสนบาท UTM ก็สามารถช่วยให้คุณวัดผลและวางแผนได้แม่นยำขึ้น

ใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่นได้ง่าย

นอกจาก Google Analytics ยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น HubSpot, Mailchimp, Facebook Pixel หรือ CRM ต่างๆ ได้อย่างสะดวก

ข้อควรระวังในการใช้ UTM Parameters

ความยาวของ URL

หากแนบพารามิเตอร์มากเกินไป URL จะยาวและไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย แนะนำให้ใช้ URL Shortener เช่น Bitly

ความสม่ำเสมอในการตั้งชื่อ

หากใช้ชื่อที่ไม่เป็นระบบ เช่น บางครั้งใช้ Facebook บางครั้งใช้ facebook จะทำให้ข้อมูลแยกเป็นหลายรายการใน Analytics

ไม่ควรใช้กับลิงก์ภายในเว็บไซต์

UTM ควรใช้กับลิงก์ที่มาจากภายนอกเท่านั้น เช่น โฆษณา อีเมล หรือโซเชียล หากใช้ภายในเว็บไซต์จะทำให้ session ของผู้ใช้ถูกรีเซ็ต

สรุป

UTM Parameters คือเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักการตลาดยุคดิจิทัล ช่วยให้สามารถวัดผลความสำเร็จของแคมเปญต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้คุณจะทำธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทยก็สามารถใช้ UTM เพื่อวิเคราะห์แหล่งที่มาของลูกค้าได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ด้วยการใช้ UTM อย่างเหมาะสม คุณสามารถปรับปรุง ROI ของแคมเปญได้อย่างต่อเนื่องและสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีข้อมูลรองรับอย่างแท้จริง


บริการยอดนิยมที่คนอื่นก็สนใจ